วันที่ 8 ม.ค.2567 นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้มอบหมายให้นายภูธนะ ชมภูมิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานประชุม คณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจังหวัดพะเยา ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุมจอมทอง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดพะเยา เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้มีการต่อยอดนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้มีการดำเนินงานร่วมกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ นอกระบบให้กับประชาชน กระทรวงมหาดไทยจึงให้จังหวัดและอำเภอจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและประชาสัมพันธ์ให้ลูกหนี้ นอกระบบที่ มีความประสงค์รับการช่วยเหลือหรือให้ทางราชการดำเนินการแก้ไขปัญหา ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป

โดยที่ประชุมได้มีการชี้แจง แนวทางการดำเนินการตามแนวทาง และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหา หนี้นอกระบบตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย การประสาน และบูรณาการการปฏิบัติงานของส่วนราชการ และองค์กรต่าง ๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในระดับจังหวัด การดำเนินการตรวจสอบและกลั่นกรองข้อมูลการข่าวเกี่ยวกับพฤติการณ์ ของเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ รวมทั้งบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมถึงการเร่งรัด กำกับดูแล ตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ของศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ในระดับอำเภอ และให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐ มาให้ถ้อยคำ เข้าร่วมประชุมขี้แจง เข้าร่วมตรวจสอบสืบสวนข้อเท็จจริง จัดส่งเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือเรงรัดดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามอำนาจหน้าที่ และสุดท้ายคือการรายงานผลการปฏิบัติงาน ข้อเสนอแนะ และปัญหาอุปสรรค ให้กระทรวงมหาดไทยทราบทุกระยะ

สำหรับจังหวัดพะเยา มีมาตรการในการแก้หนี้ฯ ตามนโยบายรัฐบาลประกอบด้วย ด้านการไกล่เกลี่ยประนีประนอมหนี้ ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงินโดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพะเยาได้สรุปผลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของจังหวัดพะเยา ข้อมูล ณ วันที่ 5 มกราคม 2567 มีลูกหนี้ลงทะเบียน จำนวน 587 คน ยอดหนี้รวม 38 ล้านบาทเศษ ลูกหนี้ประสงค์เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยจำนวน 228 ราย ลูกหนี้ประสงค์ให้รัฐหาอหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจำนวน 553 ราย และลูกหนี้ประสงค์ให้รัฐหาอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้จำนวน 21 ราย ส่วนผลการดำเนินการนั่น มีการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการ15 ราย จำนวนไกล่เกลี่ยสำเร็จทั้งหมด 8 ราย มูลหนี้เดิม 7 ล้านบาทเศษ มูลหนี้ใหม่ 6.9 ล้านบาทเศษ ลดลง 76,900 บาท โดยมีลูกหนี้ที่ยินยอมปฏิบัติตามข้อตกลงโดยไม่ขอรับความช่วยเหลืออื่นจำนวน 3 ราย ลูกหนี้ที่ประสงค์ให้รัฐหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจำนวน 5 ราย และลูกหนี้ไม่สมัครใจไกล่เกลี่ยต่อทั้งหมด 7 ราย